ล่าสุด Panasonic Corp. ซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังระดับโลกที่เป็นหุ้นส่วนโรงงานผลิตแบตเตอรี่กับ Tesla Inc. ได้เทขายหุ้นทั้งหมดของ Tesla ทิ้ง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 1.15 แสนล้านบาท (3.6 พันล้านดอลลาร์) พานาโซนิคซื้อหุ้นเทสลา 1.4 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 21.15 ดอลลาร์ในปี 2553 ด้วยราคาประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ เงินเดิมพันนั้นมีมูลค่า 730 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 หุ้นได้รับเกือบเจ็ดเท่าตั้งแต่นั้นมาและปิดขึ้น 3.5% ที่ 679.82 ดอลลาร์ต่อหุ้น บาคาร่า168 การเทขายทิ้งทั้งหมดของ Panasonic นั้นเกิดขึ้นหลังจากหุ้นของ Tesla ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 5 เท่าภายใน 12 เดือน โดยสูงสุดเคยซื้อขายด้วย P/E Ratio 1400 เท่า ปัจจุบันอยูที่ประมาณ 670 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดในโลกอย่าง Berkshire ของ Warren Buffett นั้นพบว่ายังซื้อขายที่ P/E Ratio เพียงประมาณ 6 เท่า เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Panasonic กล่าวว่าการเทขายหุ้น Tesla ทิ้งทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทบทวนนโยบายการถือหุ้นตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์หรือการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทกับ Tesla ซึ่งรายได้จากกำไรกว่า 1 แสนล้านบาทนี้จะนำไปใช้ลงทุนในการเติบโตในอนาคต
ปัจจุบันกราฟของราคาหุ้น Tesla และ Bitcoin มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากและกำลังมีความเสี่ยงที่จะเกิดสัญญาณ Death Cross เช่นเดียวกับตลาด Bitcoin ในก่อนหน้านี้ โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน (MA 50 และ MA 200) กำลังขยับตัวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และนั่นถือเป็นความเสี่ยงที่หุ้น Tesla ซึ่งกำลังซื้อขายด้วย P/E Ratio ถึง 670 เท่าอาจโดนเทขายได้ หากยังไม่ปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น และหากเกิดสัญญาณ Death Cross จริง ๆ หุ้นที่มีราคาแพงขนาดนี้อาจร่วงลงได้ถึงอยางน้อย 400 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นไปตามที่ Short Seller ในตำนานอย่าง Michael Burry ทำนายไว้ถึงฟองสบู่ในหุ้นตัวนี้ และ Panasonic กล่าวเมื่อต้นปีนี้ว่าจะซื้อหุ้นของบริษัทซอฟต์แวร์ซัพพลายเชนของสหรัฐฯ Blue Yonder (NWMUTJ.UL) ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของอยู่แล้วในข้อตกลงมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ ข้อตกลงดังกล่าวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต้องเลิกคิ้วขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงประวัติการควบรวมกิจการที่ไม่แน่นอนของบริษัท